รวม 8 แผนผังฟาร์มสเตย์
เริ่มต้นปีด้วยชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
สวัสดีเพื่อนๆชาว Simplee Organic ทุกคนนะคะ วันนี้เราจะขอนำเสนอที่พักแนวฟาร์มสเตย์ให้เพื่อนๆได้รู้จักกันค่ะ แต่ก่อนจะไปชมที่พักสวยๆกัน เราอยากให้เพื่อนๆทำความรู้จักกับที่พักแนวฟาร์มสเตย์กันก่อนค่ะ
ฟาร์มสเตย์เป็นธุรกิจแบบใหม่ เน้นการท่องเที่ยวในเชิงเกษตร ต้องการให้ลูกค้าได้สัมผัสและรับประสบการณ์ ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ผ่านการใช้ชีวิตและลงมือทำ เป็นการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมกับสภาพแวดล้อม เรียนรู้ชีวิตเกษตรกรรม และวัฒนธรรมชุมชน
ถึงจะไม่สะดวกสบายเท่ากับอยู่โรงแรมหรู แต่ก็ได้ประสบการณ์พักผ่อน ที่ได้สัมผัสชีวิต ใกล้ชิดธรรมชาติ ในแบบที่ทั้งชีวิตเราอาจจะหาไม่ได้จากที่อื่น พร้อมสร้างความเข้าอกเข้าใจในเกษตรกรอีกด้วยนะคะ เอาหล่ะมาเริ่มกันที่ พิกัดใกล้กรุงเทพเลยค่ะ
1. Coolliving Farmhouse Eco & Organic Living
ออกแบบด้วยเอกลักษณ์สไตล์อีสาน ท่ามกลางบรรยากาศของสองผืนป่า

คูลลิฟวิ่ง ฟาร์มเฮ้า ฟาร์มสเตย์ที่มีจุดเริ่มต้นจากการปลูกผักเเละขายสินค้าออร์แกนิกเพื่อสุขภาพ สู่ที่พักแบบฟาร์มสเตย์ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ โดยมีหัวใจคือ การมีชีวิตอยู่อย่างสโลว์ไลฟ์ เรียบง่าย
ออกแบบโดยนำเอาเอกลักษณ์ของภาคอีสาน วัสดุพื้นถิ่น พร้อมแนวคิดลดการใช้สารเคมีในวัสดุ นอกจากนี้ความพิเศษคือ การถูกโอบล้อมด้วยป่า 2 แห่ง จากอุทธยานทับลาน และอุทยานเขาใหญ่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา
ค่าบริการ :
วันจันทร์-วันศุกร์ ราคา 3,600 บาท (รวมอาหารเช้า)
วันเสาร์-วันอาทิตย์ ราคา 3,900 บาท
เข้าพักได้ 2 คน พักเพิ่มได้ 2 คน ราคาคนละ 1,000 บาท
ห้องแถวขนาด 30 ตรม.
วันจันทร์-วันศุกร์ ราคา 2,500 บาท (รวมอาหารเช้า)
วันเสาร์-วันอาทิตย์ ราคา 2,900 บาท
เข้าพักได้ 2 คน พักเพิ่มได้ 1 คน ราคาคนละ 1,000 บาท
2. บ้านนอกคอกนา เขาใหญ่
จากผืนดินสุดท้ายของครอบครัว สู่ฟาร์มสเตย์บ้านนอกในเขาใหญ่ ที่อยากกลับมาซ้ำอีก

หากภาพวันพักผ่อนของเพื่อนๆ คือ ทุ่งนาสีเขียวตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าจัด มีคลองเล็กๆ ที่มีสะพานไม้ไผ่มีท่าน้ำให้นั่งชิลล์ แปลงผักสารพัดชนิดในสวนหลังบ้าน ได้ทานผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษ และปลูกเอง บ้านนอกคอกนา เขาใหญ่ คือคำตอบค่ะ บ้านนอกคอกนาตั้งอยู่บนผืนดินเล็กๆ เนื้อที่รวม 11 ไร่ เป็นผืนดิน ผืนสุดท้ายของพ่อกับแม่ที่หลงเหลือจากการไม่ถูกนายทุนยึดไป รุ่นลูกจึงต่อยอดนำที่ดินผืนนี้มาทำเกษตรแบบผสมผสาน และปลูกพืชผักแบบเกษตรอินทรีย์
พร้อมทั้งสร้างที่พักไว้ ให้กับคนที่สนใจที่จะเรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ และให้คนที่ชื่นชอบที่พักแบบธรรมชาติ แบบบ้านๆ แบบวิถีชีวิตดั้งเดิมแบบบ้านนอกๆ แต่เป็นบ้านนอกที่มีสไตล์ เป็นบ้านนอกที่ทุกคนมาแล้ว อยากกลับมาเยี่ยมบ้านนอกแห่งนี้อีก
ค่าบริการ :
บ้านพัก 4 คน ราคาประมาณ 4,500-6,000 บาท (รวมอาหารเช้า)
3. ไร่รื่นรมย์
ฟาร์มสเตย์และศูนย์การเรียนรู้ ในเชียงราย ที่ทำให้เรารู้จักใช้ชีวิตกับธรรมชาติมากขึ้น

สายกินและสายกิจกรรมไม่ควรพลาด เพราะไร่รื่นรมย์ไม่มีเพียงไร่เกษตรอินทรีย์เท่านั้น แต่เป็นศูนย์เรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้เราได้ลงมือ สัมผัสประสบการณ์การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมงานคราฟต์ เช่น DIY น้ำผึ้งป่า ทำผ้ามัดย้อม ปั้นดินเผา และจัดคอร์สที่ปูพื้นให้คนที่อยากกลับไปทำเกษตรอินทรีย์ที่บ้านเกิด
ส่งเสริมผู้คนและสนับสนุนให้เกิดการส่งต่อวิถีดีๆ ต่อไปในภูมิภาคต่างๆ โดยคนรุ่นใหม่ที่ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกร มีบริการที่พักฟาร์มสเตย์ ทั้งแบบเต็นท์และบ้านพลังงานสะอาดค่ะ
ค่าบริการ :
หลัง 1 (สำหรับ 2 ท่าน) 3,300 บาท
หลัง 2 (สำหรับ 3 ท่าน) 4,450 บาท
High Season
หลัง 1 (สำหรับ 2 ท่าน) วันธรรมดา 3,990 บาท
วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 4,300 บาท
หลัง 2 (สำหรับ 3 ท่าน) วันธรรมดา 5,240 บาท
วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 5,550 บาท
4. แทนคุณ ออร์แกนิคฟาร์ม
ฟาร์มไก่ออร์แกนิก ที่มีพื้นที่ให้น้องไก่ได้วิ่งเล่นในกาญจนบุรี

ทักทายฝูงไก่อารมณ์ดีที่ขันร้องและวิ่งเล่นในพื้นที่ปล่อยได้ที่แทนคุณออร์แกนิกฟาร์ม ที่ตั้งใจเลี้ยงน้องไก่อย่างพิถีพิถันด้วย ด้วยระบบปศุสัตว์อินทรีย์ ใช้อาหารธรรมชาติ จากระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์ ไม่กักขังในกรงตับแคบๆ แถมยังมีพื้นที่ปล่อย ให้หากินอาหารที่อยู่ในธรรมชาติอย่างอิสระ ไก่ ได้ใช้ชีวิต อย่างที่ ไก่ ควรเป็น
ดังนั้นน้องไก่จะได้ทานอาหารที่มีคุณภาพจากแกลบ รำ ปลายข้าว ที่เหลือจากกระบวนการสีข้าวของเกษตรกร ไม่ใส่ยาปฏิชีวนะและไม่เกิดขยะเหลือให้ปนเปื้อนตลอดกระบวนการ สามารถพิสูจน์คุณภาพได้จากไข่ไก่และเนื้อไก่ที่เนื้อแน่นและสารอาหารครบถ้วน ต่างจากไก่ทั่วไปที่เลี้ยงดูแบบอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน
ตอนนี้แทนคุณเปิดให้บริการเฉพาะการจำหน่ายสินค้าเกษตร และยังไม่มีบริการแบบที่พักค่ะ
หากใครกำลังมองหาสินค้าจากแม่ไก่ดีๆ ลองแวะเข้าไปช้อปปิ้งกันได้นะคะ
5. พสุธารา
สวนเลมอนออแกนิกจากความหลากหลายทางชีวภาพ ในราชบุรี

ขอบคุณภาพจาก Pasutara Thailand
พสุธาราเป็นฟาร์มสเตย์ที่มีจุดยืนในการทำงานร่วมกับธรรมชาติ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากผลผลิตของพื้นที่ตะนาวศรี
พสุธารามีคาเฟ่ที่เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม ขนมจากวัตถุดิบท้องถิ่น โดยทั้งหมดไม่ใส่สารปรุงแต่งใดๆ เพื่อคงรสสัมผัสที่ละเมียดละไมแท้จากธรรมชาติไว้ให้เราได้ดื่มด่ำ เป็นเอกลักษณ์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีเซ็ตปิกนิกให้เราได้หยิบเสื่อลายสก็อตและปิ่นโตไปนั่งสูดอากาศกลางสวนเลมอน รวมถึงเปิดฟาร์มช็อปให้เลือกสรรสินค้าแปรรูป หลายอย่างทำจากเลมอนที่ปลูกและดูแลอย่างพิถีพิถันเอง การันตีเรื่องความปลอดภัย
มีเปิดเวิร์กช็อปสอนทำทั้งแชมพู สบู่ ลิปสติก ปลูกผัก ให้กลับไปทำที่บ้านต่อได้เองได้อีกด้วย
ค่าบริการ :
บ้านริมน้ำ 1 หลัง พักได้ 2 คน (พร้อมชุดอาหารเช้า) ราคาบ้านพัก 3,200 บาท
6. สหายน่าน เพอร์มาคัลเจอร์
เยียวยา ค้นหา สงบสุข ท่ามกลางฟาร์มสเตย์ในป่าเขาน่าน ที่สอนให้รู้จักอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

ขอบคุณภาพจาก Pasutara Thailand
ใครสายเดินเข้าป่าให้มาทางนี้ สหายน่าน เพอร์มาคัลเจอร์ ฟาร์มสเตย์ท่ามกลางป่าเขาแบบเรียลๆ ที่ดูแลโดยครอบครัวของชาวแม่ฮ่องสอน ที่ใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจธรรมชาติ ปลูกพืชสมุนไพรด้วยแนวคิดแบบเกื้อกูล ไม่ใช้สารพิษที่อาจจะเป็นภัยกับคนในชุมชน
สหายน่านเปิดต้อนรับคนให้เข้ามาพักฟาร์มสเตย์ในกระท่อมไม้ไผ่และทำกิจกรรมอาสาตามความสนใจ มีตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว หมักปุ๋ย ทำอาหารโฮมเมด สร้างอาคารจากวัสดุในพื้นที่ ออกแบบพื้นที่การเกษตร มีเรียนเป็นหลักสูตรจริงจัง หรือจะอยู่ไปเรื่อยๆ คอยช่วยเหลืองานก็ตามสะดวก เพราะอยากให้ผู้คนได้ซึมซับแนวคิดนี้ที่เป็นมิตรต่อสรรพสิ่งค่ะ
ค่าบริการ :
โปรแกรม 2 : นอนหนึ่งคืนทานอาหารเช้า-เย็น 700 บาท
โปรแกรม 3 : นอนหนึ่งคืนเอาเต๊นท์มาเอง อาหารเช้า-เย็น 500 บาท
โปรแกรม 4 : นอนหนึ่งคืนทานอาหารเช้า-เย็นและพิซซ่ากลางไพร วันเสาร์ 1000 บาท
โปรแกรม 5 : นอนหนึ่งคืนเอาเต๊นท์มาเองทานอาหารเช้า-เย็นและพิซซ่ากลางไพร วันเสาร์ 800 บาท
โปรแกรม 6 : นอนหนึ่งคืนทานอาหารเช้า-เย็น เดินป่าสาม-สี่กิโลเมตร วันอาทิตย์ 1000 บาท
โปรแกรม 7 : นอนหนึ่งคืนเอาเต๊นท์มาเองทานอาหารเช้า-เย็น เดินป่าสาม-สี่กิโลเมตร 800 บาท
โปรแกรม 8 : นอนสองคืนรวมทานพิซซ่าและเดินป่า 2000 บาท
โปรแกรม 9 : นอนสองคืนเอาเต๊นท์มาเองรวมทานพิซซ่าและเดินป่า 1600 บาท
7. Daidib Daidee Farm Stay
ฟาร์มสเตย์แบบดิบๆในจังหวัดน่าน ที่ทำให้เรากับธรรมชาติรู้จักกันมากขึ้น

ขอบคุณภาพจาก Daidib Daidee
'ได้ดิบได้ดี' มาจากความดิบและความดีของที่นี่ ในนิยามของที่แห่งนี้ ความดิบ คือ การใช้ชีวิตให้เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เรียนรู้อยู่กับธรรมชาติ รู้จักปรับตัวเข้าหาธรรมชาติไม่ใช่ให้ธรรมชาติปรับตัวเข้าหาเรา
ได้ดิบได้ดีตั้งอยู่ในท่ามกลางภูเขาในจังหวัดน่าน ที่ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาสีเขียว มีกิจกรรมเส้นทางเดินป่า ให้เดินเรียนรู้จักกับต้นไม้และสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่พึ่งพาอาศัยกันในระบบนิเวศ ถ้าวันไหนร้อน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่ก็มีวังน้ำตกให้ได้เล่นน้ำกระโดดคลายร้อน เหมาะกับใครที่กำลังมองหาการพักผ่อนที่ดื่มด่ำท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมโยคะตอนเช้า และอาหารมังสวีรัตคลีนๆสไตล์คนเมืองที่ครอบครัวเป็นคนจัดให้ และความพิเศษของที่นี่คือพิชซ่าโฮมเมด ที่ทำเพียงแค่วันละ 20 ถาดเท่านั้น
ค่าบริการ :
ที่พักอย่างเดียว (รวมอาหารเช้า-เย็น) ราคาหัวละ 800 บาท
ลานกางเต็นท์ริมลำธาร สำหรับเต็นท์บนหลังคารถ และเต็นท์นอนพื้น ราคาคนละ 150 บาท
8. บ้านไร่ ไออรุณ
"พื้นที่เเห่งรัก" ที่เป็นมากกว่าฟาร์มสเตย์ แต่เป็นเหมือนบ้านที่พร้อมต้อนรับอย่างอบอุ่น

ขอบคุณภาพจาก Baanraiiarun
ปิดท้ายด้วยการพาลงใต้ไปที่ฟาร์มสเตย์ บ้านไร่ ไออรุณ จังหวัดระนอง ฟาร์มสเตย์ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น จากครอบครัวเจ้าของกิจการและพนักงานที่ดูแลกันเหมือนครอบครัว
หากใครกำลังมองหาวันพักผ่อนที่ล้อมรอบไปด้วยสวนที่เขียวขจีของตามแบบป่าดิบชื้นของภาคใต้ ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำใสไหลเย็นผ่านบ้านหลังเล็กๆที่ตั้งเรียงร้อยอย่างเป็นสัดเป็นส่วน ตกแต่งอย่างน่ารักเหมือนเทพนิยายโรแมนติก ที่นี่คือคำตอบค่ะ
เดิมทีที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่ไม่ติดภูเขา ทะเล น้ำตก แต่ทางเจ้าของกิจการมองว่าพื้นที่ตรงนี้สามารถต่อยอดได้ จึงได้ทำการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ด้วยการขุดลำธาร คลองไส้ไก่ และนำพืชพรรณมาปลูกที่พื้นสวนด้านล่าง และค่อยๆรีโนเวทเรื่อยๆ จากเดิมใช้เงินเพียงหลักหมื่น จนมาสู่กิจการใหญ่โตมูลค่าหลักล้าน
สำหรับใครที่ชื่นชอบที่พักแนวสถาปัตยกรรมไม่ควรพลาด พาพ่อแม่ คนรักมารับพลังธรรมชาติจากที่นี่กันค่ะ
ค่าบริการ :
บ้านละอองดาว 2,990/คืนบ้านอิงจันทร์ (Family) 5,290/คืน
เป็นยังไงกันบ้างคะ หวังว่าจะเป็นไอเดียสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่เป็นหนทางให้เราและธรรมชาติได้รู้จักและใกล้ชิดกันมากขึ้นในต้นปีนี้นะคะ