เล็บบาง หน้าเล็บลอก ไม่แข็งแรงหลังทำเล็บเจลหรือต่อเล็บปลอม เชื่อว่าปัญหานี้คงเกิดขึ้นบ่อยกับสาวๆหลายๆคนนะคะ วันนี้ Simplee Organic ก็มีวิธีดูแลเล็บหลังจากการทำเล็บเจล หรือเล็บปลอมมาฝากกันด้วย

การทำเล็บเจลคืออะไร?



สีเจล สามารถทาทับเล็บธรรมชาติหรือเล็บปลอมได้และจะต้องทำการเข้าอบเครื่อง UV ทุกครั้งเพื่อให้เจลแห้งและติดทนนานค่ะ
เล็บปลอมเป็นยังไง?
การต่อเล็บ หรือที่เรียกว่าเล็บปลอมที่คุณอาจนึกถึงเมื่อคุณได้ยินคำว่า "สีอะครีลิก" มีความยาวที่เพิ่มขึ้น และมักจะทาผลิตภัณฑ์บนปลายเล็บ ติดพลาสติกยาวๆ ที่ปลายเล็บ หรือติดสติกเกอร์เล็กๆ ใต้เล็บธรรมชาติที่จะนำการต่อและลอกออกเมื่อเล็บแข็ง .



แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสีย เจลมีพื้นผิวที่แข็งกว่าและไม่มีรูพรุน ดังนั้นจึงมีโอกาสเกิดรอยเปื้อนน้อยกว่า
อะคริลิกที่มีรูพรุนมากกว่านั้น มีแนวโน้มที่จะเปื้อน หากมีความเป็นไปได้ที่คุณจะต้องถอดเล็บออก อะครีลิคยังมีอยู่ทั่วไปและมักจะมีราคาถูกกว่าเจล แต่ข้อเสียเปรียบที่สำคัญคือระบบของเหลวและผงที่มีกลิ่นเหม็นมักจะหมดไประหว่างการใช้งาน หากสวมใส่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ดูหนาจนอึดอัดได้
เจล อะครีลิก และดิปทั้งหมดจะแข็งตัวจากปฏิกิริยาเคมีที่เชื่อมสายโซ่สั้นของโมเลกุลเป็นสายยาว เรียกว่าโพลีเมอร์ เพื่อทำให้เล็บแข็งตัวในกระบวนการทำเล็บปลอมนั่นเองค่ะ
เล็บจะเสียหายจากการทำเล็บเจล เล็บปลอมมากแค่ไหน?
เมื่อทาและลอกออกอย่างถูกต้อง ตามหลักการแล้ว เจลไม่ควรทำให้เล็บเสียหาย ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการถอด หากคุณไม่ทำตามขั้นตอนและเวลาที่จำเป็นในการถอดออก อย่าแกะหรือลอกเจลออกเอง เพราะมันจะทำให้หน้าเล็บลอกหนักมากนะคะ
ความเสียหายส่วนใหญ่ที่เกิดจากการทำเล็บเจล เล็บปลอมนั้นแท้จริงแล้วเกิดจากการตะไบเล็บมากเกินไป

ขอบคุณภาพจาก Dr. Josh Axe
หากสังเกตเห็นจุดสีขาว รอยย่น หรือความไม่สม่ำเสมอบนเล็บธรรมชาติของคุณ อาจต้องใช้เวลาระหว่างสามถึงหกเดือนในการกำจัดมัน เนื่องจากโดยปกติแล้วเล็บของคุณจะงอกออกมาอย่างสมบูรณ์ค่ะ
หากใครที่เพิ่งประสบกับการลอกหรือลอกเป็นขุยหลังการกำจัดเล็บออกเองแล้ว นี่ก็คือคำแนะนำทีละขั้นตอนเพื่อให้พวกเขากลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดีอีกครั้งค่ะ
ดูแลเล็บหลังทำเล็บเจล เล็บปลอมยังไง?
1. ตัดเล็บ

ขอบคุณภาพจาก Byedie
เล็บที่ยาวขึ้นมักจะหักได้ง่ายจากกิจกรรมประจำวัน (เช่น พยายามแงะฝาที่ดื้อด้านออกจากทัปเปอร์แวร์) ตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มันมายุ่งกับสิ่งของและบิ่น นอกจากนี้ ควรเริ่มต้นด้วยเล็บที่สั้นกว่า เพื่อให้คุณมีเวลาเหลือเฟือเมื่อเล็บโตขึ้น
2. ทำให้โค้งมน

ยาทาเล็บเจลสามารถทำให้เล็บบางลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งทำให้เล็บติดและหักได้ง่าย ควรตัดเล็บโค้งมนเพื่อให้แข็งแรงและยาวเร็ว
3. ค่อยๆ บัฟบริเวณที่ลอก
ใช้บัฟเฟอร์เล็กน้อยบนขอบหรือสันที่ไม่เรียบเพื่อให้สิ่งต่าง ๆ เรียบ วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ลอกอีก โดยเฉพาะที่ส่วนปลาย
4. ให้ความชุ่มชื้นบ่อยๆ
นวดน้ำมันหนังกำพร้าลงบนเล็บและผิวหนังรอบๆ เล็บหลายๆ ครั้งต่อวัน จากนั้นใช้ครีมทามือหรือ น้ำมันจะซึมซับเข้าสู่เล็บได้ดีกว่า และครีมจะไม่ทำให้ความชื้นหลุดออกไป

ขอบคุณภาพจาก DIVINE
5. หลีกเลี่ยงการทำให้มือแห้ง
หลังจากทำเล็บแล้ว หากต้องล้างจานหรือใช้น้ำเป็นเวลานาน แนะนำให้สวมถุงมือด้วยนะคะ เพราะสารในน้ำยาต่างๆก็สามารถทำให้ผิวที่มือแห้งและเล็บไม่ชุ่มชื้นได้
6. ใช้ทรีทเมนต์เล็บ
หยุดพักจากการขัดสีสักสองสามสัปดาห์แล้วทาทรีตเมนต์เสริมเล็บแทน
7. ปล่อยให้หนังกำพร้ายาวตามธรรมชาติ
อย่าฝืนใจที่จะตัดหรือเล็มออก หนังกำพร้าจะช่วยปกป้องเล็บใหม่ที่เติบโตอยู่ข้างใต้ได้

ขอบคุณภาพจาก ThriftyFun
8. อย่าลอกเล็บออกเอง
เป็นวิธีที่ป้องกันได้อย่างแน่นอนคือไม่แกะเล็บออกเองไม่ว่าจะเล็บเจลหรือเล็บปลอมเพราะจะทำให้หน้าเล็บเสียหายมาก ควรจะไปที่อื่นให้ถอดออกให้หรือซื้ออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับถอดเล็บมาทำเองตามขั้นตอนได้ค่ะ
ถ้าอยากมีเล็บที่สุขภาพดีตลอดเวลาหลังจากการทำเล็บเจลหรือ ต่อเล็บปลอมก็อย่าลืมดูแลตามขั้นตอนเหล่านี้ด้วยนะคะ จะได้มีเล็บสวยๆไปนานๆค่า
พบกันใหม่ในบทความหน้า สามารถติดตามข้อมูลดีๆได้เสมอที่ Simplee Organic
[…] การอั้นตดไว้อันตรายกว่าที่คิด 8 วิธีดูแลเล็บหลังจากการทำ ‘เล็บเจล […]