รู้หรือไม่ : สุขภาพจิตเกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายของเราเสมอ?
ชวนมารู้จัก “Mental Fitness” ที่ทำให้จิตใจและร่างกายแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน

Cara Bradley ผู้เชี่ยวชาญด้าน Mindful movement specialist และนักเขียนด้านสุขภาพ ได้บอกวิธีที่เราสามารถเทรนสุขภาพจิตของเราให้แข็งแรงได้ เช่นเดียวกับที่เราเทรนร่างกาย
ผู้เขียนโตพอที่จะจำได้ว่าก่อนที่การออกกำลังกายกลายเป็น "ไลฟ์สไตล์" ในช่วง 1970 ผู้คนเริ่มหันมาผูกเชือกรองเท้าเทนนิสและออกไปจ็อกกิ้ง เต้นแอโรบิกตามกลุ่มคนสวมใส่ชุดรัดรูป และเริ่มศึกษาเรื่องการเพาะกาย
แต่ทุกวันนี้ การออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ไม่อาจมองข้ามได้สำหรับใครหลายคน เพื่อรักษาสุขภาพกาย ที่จริง ผู้คนมักจะมีคอร์สการออกกำลังกายที่หลากหลาย และฝึกแบบผสมผสาน เพื่อสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับร่างกายในระยะยาว
unsplash
Mental Fitness คืออะไร?
Mental Fitness คือ ความสามารถของร่างกาย และจิตใจ ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มพลังงานทางกาย ความมั่นคงทางอารมณ์ ความแน่วแน่ทางจิต และความสงบในจิตใจ สร้างความรู้สึกของการมีจิตใจที่สมบูรณ์ ความกลมกลืน สอดการประสานกันกับร่างกาย นั่นคือความรู้สึกของการตื่นตัว มีชีวิตชีวา และเชื่อมโยงกับชีวิต — และมีใครบ้างที่ไม่ต้องสิ่งนี้
จุดเริ่มต้นที่ดี คือ การใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเปลี่ยนสภาพร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ นั่นคือ “ลมหายใจ”
Dr. Patricia Gerbarg ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกด้านจิตเวชที่ New York Medical College และผู้เขียน The Healing Power of the Breath กล่าวว่า "ทุกอารมณ์มาพร้อมกับรูปแบบการหายใจที่แตกต่างกัน" เป็นไปได้ที่เราจะเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด หรือแม้แต่วิธีการทำงานของจิตใจ ด้วยการชะลอการหายใจช้าๆ เป็นเวลา 4-6 ครั้งต่อนาที
การหายใจที่สม่ำเสมอจะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติของเรามีความสมดุล สงบ และให้ผลเช่นเดียวกับจิตใจของเรา ดร.เกอร์บาร์ก บอกว่าการปฏิบัตินี้ “มีผลทำให้อารมณ์สงบ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความสนใจ ความชัดเจน และการโฟกัสทางจิตใจ” การหายใจลึกๆ เป็นการทำงานที่แสนจะลึกล้ำ และสมดุล ที่ช่วยประสานร่างกายและจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพอารมณ์ของเรา
เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า เราสามารถทำแบบนี้กับจิตใจของเราได้ด้วย ?
ถ้าแนวคิดเรื่อง สุขภาพจิตดี (mental) เป็นเรื่องใหม่สำหรับเพื่อนๆ ให้ลองนึกถึงการรวมการออกกำลังกายในปัจจุบัน เข้ากับกิจกรรมฝึกฝนจิตใจ ที่เน้นปลูกฝังความสงบ และสร้างความตระหนักรู้ต่อตนเอง
หากใครยังไม่เคยเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง และมีแผนสนใจที่จะสร้างไลฟ์สไตล์เฮลตี้ขึ้นมา การเริ่มต้นด้วยเคล็ดลับการออกกำลังกายทางจิตเหล่านี้ สามารถช่วยให้เพื่อนๆ พัฒนาความสมดุลในสมรรถภาพทางกายและจิตใจได้
การฝึกฝนเทคนิคผสมผสาน
แบบ Mental Fitness
รวม 6 เทคนิคในการออกกำลังกายและใจให้แข็งแรงไปพร้อมๆ กัน
unsplash
1. ผสมมันไปเลยสิคะ ! :
การฝึกทางจิต การฝึกทางกาย และการเยียวยาจิตใจผสมผสานการฝึกคาร์ดิโอ ความแข็งแรง และความยืดหยุ่นไปกับกิจกรรมกลางแจ้งที่สนุกสนาน และกิจกรรมการพักผ่อนที่กระฉับกระเฉง เพื่อสร้างการออกกำลังกายที่สมดุล ( balanced workout)
ตัวอย่างที่เพื่อนๆ อาจทดลองทำสลับไปมาในแต่ละวันได้ เช่น การวิ่ง การยกน้ำหนัก โยคะ หรือการทำสวน
unsplash
2. ฝึกหายใจ :
การหายใจเข้าลึกๆ เพ่งสมาธิไปที่ลมหายใจและปล่อยออกมาช้าๆ จะช่วยสร้างสมดุลให้ระบบประสาท
เราอยากให้เพื่อนๆ ลองทำแบบฝึกหัดการหายใจสั้นๆ นี้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้เรารู้สึกมีเหตุผลและตื่นตัวมากขึ้น
unsplash
3. Mindfulness meditation :
เมื่อเราใช้เวลาในการจดจ่อกับปัจจุบัน เราสามารถปล่อยความเครียด และปลูกฝังความตระหนักรู้ได้ ณ ขณะนั้นได้
สำหรับใครที่เลือกไม่ถูกว่าควรจะเริ่มฝึกสมาธิจากตรงไหน อาจเริ่มต้นจาก การค้นหาประเภทของ Meditation ที่เหมาะตัวเอง กันก่อนนะคะ
unsplash
4. รักษากิจวัตรในการนอนหลับที่ดี :
หลับตาอย่างมีคุณภาพที่สุด เพิ่มพูนแม่นยำในการตัดสินใจ และความคล่องตัวในระหว่างวัน ด้วยการพักผ่อนอย่างตั้งใจ ลดไฟลงแต่หัวค่ำ จำกัดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ในตอนเย็น และสร้างช่วงเวลาตอนเย็นด้วยการทำสมาธิ หรือการโยคะ
unsplash
5. ดูแลระบบเชื่อมต่อระหว่างลำไส้และสมอง :
อ่ะงงละสิ จะบอกว่าอาหารที่เรากินเข้าไปในทุกๆมื้อ ส่งผลต่อฮอร์โมนในสมองด้วยนะ
Uma Naidoo writes ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ จิตแพทย์ เชฟมืออาชีพ และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กล่าวว่า อาหารที่เรากินสามารถส่งผลอย่างลึกซึ้ง ต่อสมองและสุขภาพจิตของเรา เช่นเดียวกับยาที่แพทย์สั่ง นั้นเป็นเพราะลำไส้และสมองของเราสื่อสารกันอยู่ตลอดเวลา”
unsplash
6. ฟื้นฟูจิตใจและร่างกายอย่างสม่ำเสมอ :
การหยุดพัก พลังของการหยุดพักชั่วคราวนี้เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม ในการค้นพบประโยชน์ของความเงียบและความสงบ
unsplash
เริ่มต้นดูแลสุขภาพจิต
วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มการฝึกแบบผสมผสานสำหรับสุขภาพจิต คือ การเริ่มต้นด้วยสิ่งที่เราทำอยู่แล้ว แล้วเพื่อนๆ จะแปลกใจว่าตัวเองสามารถเทรนแบบผสมผสานมากแค่ไหน ! ... เราอยากให้เพื่อนๆ หยิบปฏิทินขขึ้นมา (หรือกระดาษเปล่าซักแผ่นก็ยังได้!) พร้อมปากกานะคะ
- เริ่มต้นด้วยกิจกรรมประจำวันของตัวเอง ให้เริ่มออกแบบแผนการออกกำลังกายของแต่ละสัปดาห์
- จากนั้นเพิ่มการเทรน และกิจกรรมอื่นๆ ที่ตัวเราชอบทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำสมาธิ การทำสวน การร้องเพลง หรืองานอดิเรกอื่นๆ
- ต่อไป ให้เขียนหมวดหมู่สำหรับการเทรนจิตใจที่ไม่ได้อยู่ในกิจวัตรประจำวันของเรา เพื่อนๆ อาจเริ่มด้วยการฝึกหายใจ หรือการวางแผนตารางการกินที่ดีต่อการเชื่อมต่อระหว่างลำไส้กับสมอง ไว้ด้านบนของปฎิทิน
เราอยากให้เพื่อนๆ มุ่งมั่นที่จะฝึกฝนสิ่งใหม่ๆ กิจกรรมละสัปดาห์ โดยเริ่มต้นจากการทำในช่วงสั้นๆ ก่อน
การมีจิตใจที่แข็งแรง และสงบมากขึ้น ควบคู่ไปกับการมีร่างกายที่แข็งแรง และยืดหยุ่นมากขึ้น จะทำให้เพื่อนๆ มีจุดเริ่มต้นที่ดี จากนั้นให้ ค่อยๆ เพิ่มโปรแกรมการเทรนอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอตามความอยากเรียนรู้ของตัวเอรา
สิ่งสำคัญที่สุด
สิ่งสำคัญที่สุด คือ อย่าเพิ่มโปรแกรมใหม่ๆ มากเกินไปจนทำไม่ไหว กระบวนการของการมีจิตใจที่พอดี น่าจะง่ายกว่าถ้าเรารู้สนุกกับมัน สุดท้ายนี้ ขอให้สนุกกับการเทรนนะคะ